‘แม็กกี้ อาภา’ เผยป่วยเป็นงูสวัดขึ้นเยื่อหุ้มสมอง ช็อก! พบไวรัส 223 ตัว

‘แม็กกี้ อาภา’ เผยป่วยเป็นงูสวัดขึ้นเยื่อหุ้มสมอง ช็อก! พบไวรัส 223 ตัว

นักแสดงสาว แม็กกี้-อาภา ภาวิไล ออกมาโพสต์ผ่านทางอินสตาแกรม แจ้ง แอดมิทอยู่โรงพยาบาลมา 8 วัน เริ่มต้นด้วยอาการ เป็นไข้ขึ้นสูง มีแผลที่หน้าท้อง แผลเริ่มอักเสบมากขึ้น และเริ่มปวดหัวอย่างหนักมาก จนไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อาเจียนไป 3-4 รอบ จึงให้ยากลับมา

รุ่งขึ้นพอเดินได้แต่อ่อนเพลียมาก ไม่ไหวจริง ๆ จึงเดินทางไปโรงพยาบาล กรุงเทพ-ภูเก็ต 

หมอวินิจฉัยว่าเป็น งูสวัด เพราะเห็นจากแผล แต่ปรากฏว่าปวดหัวมาก ทานยาไม่หายต้องขอยาฉีด แพทย์สันนิษฐานว่า เยื้อหุ้มสมองอักเสบ จึงขออนุญาตตรวจน้ำไขกระดูกสันหลัง ผลที่ได้คือ งูสวัด จริง ๆ และลามไปยังเยื้อหุ้มสมองทำให้อักเสบ คนปกติจะเจอเซลล์เพียง 5 ตัว แต่แม็กกี้พบ 223 ตัว เป็นไวรัส แต่ถ้าเป็นแบคทีเรียจะอันตรายมากกว่านี้

หลังจากนั้นอาการก็เริ่มหนักขึ้น เริ่มปวดตา กรอกตาเจ็บ และปวดหัว แพทย์จึงให้ไปทำ MRI สแกนสมอง สรุป ไวรัสเข้าสมอง แกนสมอง และ สมองใหญ่ รักษาได้แต่คงใช้เวลา ตอนนี้ทานยาจกแพทย์ก็พอบรรเทาอาการได้

แฟนเพจเฟซบุ๊ก แฟนเพจสมาคมศิลปินตลก ประเทศไทย ได้ออกมาโพสต์แจ้งข่าวสุดเศร้า กับอดีตนักแสดงตลก ศรีบาน ซุปเปอร์โจ๊ก ได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครปฐม หลังจากป่วยเป็นภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ เมื่อกลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาเข้ารับการรักษาเร่งด่วนด้วยอาการปอดติดเชื้อ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ขอเชิญร่วมรดน้ำศพ ณ วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม เวลา 16.00 น.

ในกิจกรรมหาเสียงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทรัมป์ยังกล่าวถึงกาก้าว่า “เลดี้กาก้า…ไม่ดีเกินไป ฉันสามารถเล่าเรื่องราวมากมายให้คุณฟัง ฉันสามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเลดี้กาก้าให้คุณฟังได้ ฉันรู้เรื่องราวมากมาย” ความคิดเห็นของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจาก Tim Murtaugh ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของเขาออกแถลงการณ์ว่าการปรากฏตัวของกาก้าในงานรณรงค์ของไบเดน หมายความว่าเขาอาจไม่ยึดติดกับนโยบายเรื่อง Fracking ซึ่งกาก้าได้แสดงจุดยืนต่อสาธารณะ 

ล่าสุด เลดี้กาก้าได้โพสผ่านอินสตาแกรมว่า “ฉันจะพูดหลังจาก 7 ET และแสดงก่อนที่ @JoeBiden ที่น่าทึ่งจะพูดเวลา 8:30 น. ET ดูที่ JoeBiden.com/live ฉันมีบางสิ่งที่จะพูด #vote # BidenHarris2020 รักคุณเพนซิลเวเนีย!  ตื่นเต้นมากที่ได้ร้องเพลงให้คุณ!”

สรุปรวมไทม์ไลน์ข่าว ไมค์-ซาร่า ที่เกี่ยวข้องกับการขอสิทธิ์ปกครองลูกร่วมกัน

นับว่าเป็นมหากาพย์บทใหญ่ที่เกิดระหว่างดาราหนุ่มโกอินเตอร์อย่าง ‘ไมค์ พิรัชต์’ กับ ‘ซาร่า คาซิงกินี’ ซึ่งวันนี้เราจะมารวบรวมเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขอสิทธิ์ปกครองลูกร่วมกัน

วันที่ 14 กันยายน 2563 ไมค์ ได้เดินทางไปร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อยื่นคำร้องขออำนาจปกครองบุตรร่วมกับ ซาร่า เพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกชาย

วันที่ 16 กันยายน 2563 ซาร่าได้ไปเปิดใจที่รายการหนึ่ง พร้อมกับเผยถึงเหตุผลที่ตนต้องพาลูกกลับไปอยู่ภูเก็ตว่ารับไม่ได้ที่ไมค์ขอลดคุณภาพชีวิตลูก ด้วยการให้ย้ายโรงเรียน ลดค่าใช้จ่าย และย้ายออกจากคอนโดที่เคยอยู่กับลูก ให้ไปอยู่ห้องเช่าเดือนละ 4 พันบาท ขนาดห้อง 22 ตารางเมตร เนื่องจากไมค์มีปัญหาเรื่องเงินเพราะโควิดระบาดไปทั่วโลก

วันที่ 17 กันยายน 2563 ไมค์ ได้ไปเปิดใจในรายการหนึ่งอีกครั้ง ซึ่งทนายเจมส์ นิติธร ได้เปิด 6 ข้อเรียกร้องที่ซาร่ายื่นต่อศาลมีดังนี้

– ขอให้ไมค์ จ่ายเงินเล่าเรียนของลูกที่ตนเองได้จ่ายไปแล้ว ที่โรงเรียนนานาชาติภูเก็ตให้จ่ายคืนตนเอง และจ่ายค่าเทอมต่อไปในอนาคตลูก จนจบปริญญาเอก

– จ่ายค่าคนขับรถและพี่เลี้ยง จนกว่าบุตรจะช่วยเหลือตัวเองได้

– ให้จ่ายเงินเดือนให้กับ ซาร่า จากเดือนละ 3 หมื่น เป็น 5 หมื่น จนกว่าลูกจะมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้

– ขอให้ซื้อบ้านหรือคอนโดในกรุงเทพฯให้ลูก

– ห้ามนำบุตรไปหารายได้เพื่อประโยชน์ของไมค์

– หากผู้ร้องนำบุตรไปหารายได้ ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ค้านร้ายแรง ผู้ค้านมีสิทธิ์กีดกัน จนกว่าจะสำนึกในการกระทำเท่านั้น

วันที่ 6 ตุลาคม 2563 ซาร่า พร้อมด้วยทนายความคนใหม่ ได้มาแถลงข่าวพร้อมกับนำเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ มาโต้กลับ ไมค์ ซึ่งมี เอกสารการเปลี่ยนข้อเรียกร้องทั้ง 6 ข้อก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกับยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่มีสัญญาดังกล่าวออกมา เป็นเพราะตนนั้นโกรธและเสียใจเมื่อเห็นหมายศาลมาที่บ้าน

ซาร่ายอมรับตนเองนั้นมีลูกคนที่ 2 จริง ชื่อน้องเอมมิลี่ เป็นลูกสาวที่เกิดกับนายแบบหนุ่ม วาดิม พร้อมกับเผยข้อความแชตว่าตนเองและวาดิมจะจัดงานแต่งงานกันเมื่อวันที่ 2 เดือน 2 แต่ติดโควิด จึงทำให้ทุกอย่างเลื่อนออกไปก่อน และตอนนี้วาดิมก็ติดอยู่ที่ต่างประเทศ

ในเย็นวันเดียวกันหลังจากที่ซาร่าแถลงข่าว ไมค์ พิรัชต์ ได้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมของตัวเอง โดยบอกว่า ขอถอนสิทธิ์ปกครองร่วม เพราะไม่อยากให้ให้เรื่องราวยืดเยื้อ และส่งผลกระทบต่อหลายฝ่าย โดยเฉพาะลูก และจะเก็บเงินทุกบาทให้กับลูกเอาไว้มอบให้ตอนที่ลูกโต พร้อมขอให้เรื่องจบ ไม่อยากให้ลูกเจ็บปวดเมื่อมาเห็นข่าวแบบนี้

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป