ฝรั่งเศส สั่งเพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกัน โควิด หลังเจอผู้ป่วยใหม่ทะลุแสน

ฝรั่งเศส สั่งเพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกัน โควิด หลังเจอผู้ป่วยใหม่ทะลุแสน

ประเทศ ฝรั่งเศส ยังคงต้องเผชิญวิกฤติ โควิด ต่อเนื่อง จนทำให้ทาง ฝรั่งเศส ต้องเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการโควิดหลังปีใหม่ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการฝรั่งเศสสั่งเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยจะมีผลในวันที่ 3 มกราคมนี้ หลังจากที่ประเทศฝรั่งเศสพบผู้ป่วยโควิดใหม่มากกว่าหนึ่งแสนรายเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทางการฝรั่งเศสจะบังคับจำกัดให้ประชาชนชุมนุมรวมตัวได้ไม่เกิน 5 พันคน 

และห้ามไม่ให้มีการรับประทานอาหารในการเดินทางขนส่งมวลชนที่มีระยะทางไกล พร้อมสั่งให้มีการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) เป็นระยะเวลา 3 วันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ประชาชนที่สัญจรทางเท้าในบริเวณใจกลางเมืองต้องใส่หน้ากากอนามัย ส่วนสถานบันเทิงจะปิดให้บริการต่อไป และทางฝรั่งเศสยังเตรียมใช้ วัคซีนพาส โดยจะบังคับให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีน และผลตรวจโควิดเป็นลบในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งคาดว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวในวันที่ 15 มกราคม

โดยรัฐบาลยังได้ลดระยะเวลาในการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจากสี่เดือนเหลือเพียงสามเดือนเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนรับวัคซีนกระตุ้นในการป้องกันการแพร่เชื้อของโควิดต่อไป เมื่อวานนี้ (27 ธันวาคม) ประเทศฝรั่งเศสพบผู้ป่วยโควิดใหม่มากกว่าแสนรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นในประเทศ พร้อมระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโควิดที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทวีตัวขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

โดยทางเจ้าหน้าที่แพทย์ท้องถิ่นเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโควิดใหม่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่า โควิดสายพันธุ์ดังกล่าวจะกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักในประเทศฝรั่งเศสในไม่ช้าซึ่งนอกจากโควิดโอมิครอนแล้วประเทศฝรั่งเศสก็พบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์เดลต้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

แพทย์สหรัฐฯ เผย โควิดสหรัฐ เตรียมอ่วมสัปดาห์หน้าหรือในช่วงสิบวันถัดจากนี้ คาดพบผู้ป่วยใหม่ครึ่งล้าน ขณะที่โอมิครอนระบาดหนัก เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า นายแพทย์ โจนาธาน เรนเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของ CNN ได้ออกมาคาดการณ์ว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าหรือ 10 วันถัดจากนี้ สหรัฐฯอาจเจอผู้ป่วยโควิดรายใหม่ต่อวันสูงถึง 5 แสนราย

ซึ่งความเห็นดังกล่าวตรงกับความเห็นของนาย แอนโธนี เฟาซี อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อในสหรัฐฯ ที่ระบุว่าจากการแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอน ทำให้ประเทศสหรัฐฯจะมียอดผู้ป่วยโควิดเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องไปอีกซักพักหนึ่ง

โดยข้อมูลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สหรัฐฯพบผู้ป่วยเฉลี่ยรายวันเกือบ 2 แสนราย ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากขึ้นเป็นจำนวนร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นจำนวนเฉลี่ยที่สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม ปีนี้

นอกจากนี้จากข้อมูลยังเปิดเผยอีกว่าในขณะนี้มีชาวอเมริกันกว่า 71,000 คนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากป่วยเป็นโรคโควิด-19 ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกามียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 53 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสแล้วกว่า 8 แสนราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมและยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสที่มากที่สุด

UN ประณามเหตุ สังหารประชาชน ใน ‘เมียนมา’ พบเผา 35 ศพ

สหประชาชาติ หรือ UN ได้ออกมาประณามเหตุ สังหารประชาชน ในประเทศ เมียนมา ด้านสื่อท้องถิ่นอ้างเป็นฝีมือกองทัพเมียนมา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ หรือ UN ได้กล่าวว่า เขารู้สึกหวาดกลัว หลังได้รับทราบรายงานว่าเจ้าหน้าที่พบ ร่างมนุษย์ถูกเผา 35 ศพ ในรัฐกะยา ประเทศเมียนมา

ในร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกพบนั้นมีเด็กและสตรี รวมถึงคนชราถูกเผาอยู่ด้วย ซึ่งสื่อท้องถิ่นและกลุ่มสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวหาว่ากองทัพเมียนมาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงครั้งนี้ ซึ่งนอกจากผู้เสียชีวิตแล้วยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่กาลกุศล เซฟ เดอะ ชิลเด้น (Save The Children) สูญหายอีกสองรายอีกด้วย โดยทั้งสองถูกโจมตีและรถของพวกเขาถูกเผาบริเวณทางตะวันออกในรัฐกะยา

โดยเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ได้ระบุว่า เขาขอประณามเหตุความรุนแรงและการโจมตีประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ทางการเมียนมาตรวจสอบเหตุรุนแรงครั้งนี้อย่างโปร่งใสและถี่ถ้วน

ประเทศเมียนมาตกอยู่ในสภาวะวุ่นวายนับตั้งแต่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ก่อรัฐประหารกับรัฐบาลของนาง อองซานซูจี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ โดยมีรายงานว่ามีประชาชนถูกสังหารโดยกองทัพเมียนมาแล้ว 1,300 ศพ และมีผู้ถูกจับกุมอีกจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม วัยรุ่นอินโดหัวร้อนสองคน หลังใช้มีดไล่ฟันประชาชนในมัสยิด ฉุนไม่พอใจที่ทางมัสยิด เปลี่ยนรหัส Wifi เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม เว็บไซต์ เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมวัยรุ่นชายสองคน ถือมีดไล่ฟัน ผู้จัดการมัสยิด ที่ประจำอยู่ที่ มัสยิด มัสจิด อัล มุสลิม ในอีสต์เมดาน จังหวัดสุมาตราเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกัน เนื่องจากทางมัสยิดได้เปลี่ยนรหัส ไวไฟ สร้างความโมโหให้กับวัยรุ่นทั้งสองคน และทำให้พวกเขาคว้ามีดขึ้นมาและวิ่งไล่เจ้าของมัสยิด และประชาชนในที่เกิดเหตุ รวมสามคน

โดยทั้งสองถูกควบคุมตัวได้ในเช้าวันต่อมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากพลเมืองดี ขณะที่เหยื่อทั้งสามคน ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเอาผิดกับวัยรุ่นหัวร้อนทั้งสองแล้ว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป