ชายกร่างทำท่าเหมือนมีปืน ขู่ยิงคู่รักทิ้งกลางถนน

ชายกร่างทำท่าเหมือนมีปืน ขู่ยิงคู่รักทิ้งกลางถนน

วันที่ 22 ม.ค. เกิดกรณีร้อนในโลกออนไลน์ ผู้คนแห่แชร์คลิปจากกล้องหน้ารถบันทึกภาพชายคนหนึ่งทำท่าชักปืน พร้อมขู่จะยิงคู่สามี-ภรรยาคู่หนึ่งทิ้งกลางถนน หลังไม่พอใจที่พวกเขาไม่ยอมถอยรถให้เข้าจอดข้างทาง คลิปได้เผยให้เห็นว่าระหว่างสามีภรรยาคู่หนึ่งขับอยู่บนถนนนั้น จู่ๆ รถเก๋งที่ขับอยู่ด้านหน้าได้จอดรถและเปิดไฟฉุกเฉิน จากนั้นก็ได้ถอยหลังกลับเกือบจะชนรถของคู่สามี-ภรรยา ทำให้พวกเขาต้องบีบแตรไล่ คนขับรถเก๋งไม่พอใจเปิดกระจกตะโกนใส่ ก่อนจะเปิดประตูรถพร้อมทำท่าคล้ายมีปืนออกมาด้วย คู่สามี-ภรรยาพยายามบอกว่ามีรถอยู่ข้างหลังไม่สามารถถอยได้ ชายคนดังกล่าวได้ด่าทอต่อ และกลับขึ้นรถไป เหตุการณ์จึงยุติ

หลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีคนเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก 

ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของชายคนขับรถเก๋ง ขณะเดียวกันก็ได้เรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวชายคนดังกล่าวมาว่ากล่าวตักเตือน เพื่อป้องกันไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งครั้งนี้ถือว่าไม่มีอาวุธเหตุการณ์ร้ายๆ จึงไม่เกิดขึ้น

เวลา 05.00 น. วันที่ 21 ม.ค. น.ส.ฐิตารีย์ อนุสวัสดิ์อาภา อายุ 46 ปี และ MR.Piter Van Weele อายุ 48 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ร้องเรียนต่อสื่อ กรณีถูกตำรวจจับกุมที่ซอยบัวขาว พัทยาใต้ จ.ชลบุรี ในข้อหามีอุปกรณ์เสพยาเสพติด ก่อนถูกเรียกเงินไปจำนวน 40,000 บาท และยึดบัตรเอทีเอ็มหายไป สร้างความเดือดร้อนในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก

น.ส.ฐิตารีย์ แฟนสาวของ MR.Piter เล่าว่าเมื่อวานนี้ เขาได้ซื้อหลอดแก้วที่ร้านเป่าแก้วโชว์ โดยไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย จากนั้นมีชาย 4 คนไม่ได้สวมเครื่องแบบ เข้ามาแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าเขามียาเสพติดและยึดโทรศัพท์ไป  ก่อนถูกนำตัวไปที่ สภ.เมืองพัทยา แต่เมื่อพาไปตรวจปัจสวะ ก็ไม่พบมีสารเสพติด จากนั้นได้มีชาวต่างชาติเข้ามานำตัว MR.Piter ไปเจรจา โดยเรียกเงิน 1 แสน จึงต่อรองจนเหลือเพียง 4 หมื่นบาท เพราะเงินที่เหลือจะเก็บไว้ซื้อตั๋วกลับประเทศ แต่ปรากฏว่าบัตรเอทีเอ็มได้หายไป ชายหนุ่มจึงคิดว่าที่ตำรวจจับกุมเขาอาจจะคิดว่ามีเงินอยู่ในเอทีเอ็ม จึงยึดบัตรเอทีเอ็มไว้ ทั้งนี้ตำรวจยังได้ทำร้ายรร่างกายเขาอีกด้วย ตำรวจจะเอาเข้าคุก เขากลัว ที่ตำรวจเรียก 1 แสนบาท เพื่อแลกกับกับการปล่อยตัว ไม่ดำเนินคดี

วันที่ 22 ม.ค. “หมอมิน” จิตแพทย์เด็กเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “เข็นเด็กขึ้นภูเขา” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลว่า รัฐบาลยังคงมีมาตรการไม่ชัดเจน ทำได้เพียงการ ‘ขอความร่วมมือจากประชาชน’ ทุกคนดูใจเย็นกันอยู่ อาจเพราะเรามองไม่เห็นมัน แต่อันตรายมันมีอยู่จริง จะบอกว่าขอความร่วมมือไม่ให้ใช้รถ ถ้าคนร่วมมือแค่คนเดียวหรือสองสามคนมันจะมีประโยชน์อะไร ตรงนี้ต้องเป็นมาตรการบังคับชัดเจน ให้เห็นผลระยะสั้นก่อน

ทั้งนี้ยังได้แสดงความเป็นห่วงสุขภาพของเด็กซึ่งร่างกายยังไม่เเข็งแรง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาไว้ ดังนี้

-ถ้ารู้แล้วว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ไปทุกปี รัฐบาลควรเปลี่ยนปิดเทอมเป็นช่วงฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่ฝุ่นจะมากที่สุด จะช่วยให้เด็กไม่ต้องออกมาสัมผัสฝุ่น และลดจำนวนรถในถนน

-ซื้อรถเมล์ใหม่ โละคันเก่าที่ควันดำทิ้ง

-เร่งปลูกต้นไม้มากๆ อันนี้ทำได้ทันที เพราะใบไม้ช่วยดักฝุ่นได้ และข้อมูลที่น่าสนใจคือ ประเทศสิงค์โปร์ที่ปลูกต้นไม้เยอะมาก มีสภาพอากาศ AQI ดีที่สุดในโลกตอนนี้ (อ้างอิงจาก App. AirVisualเมื่อเช้า)

-ออกกฎหมายจำกัดปริมาณการวิ่งของรถในช่วงที่อากาศไม่ดี เช่น ให้รถป้ายทะเบียนคู่วิ่งวันคู่ ป้ายทะเบียนคี่วิ่งแค่วันคี่

-ประกาศหยุดเรียนตอนที่ฝุ่นมาก หรือห้ามโรงเรียนให้เด็กออกมากลางแจ้ง

ตรงนี้ขอความร่วมมือไม่ได้ต้องบังคับและทำเลย และต้องเป็นการบังคับที่ใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ขอความร่วมมือ หรือพูดในเรื่องที่ปฏิบัติจริงไม่ได้

“พรรคพลเมืองไทย” จี้ปลดป้ายซีรีส์ “SEX EDUCATION” หวั่นเยาวชนเกิดอารมณ์ทางเพศ

วันที่ 21 ม.ค. ตัวแทนพรรคพลเมืองไทย เข้าร้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ปลดป้ายโฆษณาซีรีส์ของ Netflix เรื่อง “SEX EDUCATION” หรือ เพศศึกษา (บทเรียนฉบับเร่งรัก)  ซึ่งติดตั้งบริเวณข้างทางด่วนพระราม 9 และทางด่วนจากอุรุพงษ์ ไปแจ้งวัฒนะ

ตัวแทนพรรคพลเมืองไทยกล่าวว่า ป้ายโฆษณาดังนำเสนอเนื้อหาไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถจูงใจผู้คนได้โดยง่าย เด็กและเยาวชนก็ดูได้ เนื้อหาของภาพยนต์เรื่องดังกล่าวเป็นการนำเสนอเนื้อหาทางเพศที่สื่อให้เห็นทั้งเนื้อเรื่องและภาพการร่วมเพศของวัยรุ่นชัดแจ้ง มีคำพูดและภาพที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศชัดเจน ล่อแหลมต่อเด็กและเยาวชนที่ถูกยั่วยุจากการรับชม จึงขอให้ กสทช.ปลดป้ายโฆษณาที่จูงใจและยั่วยุดังกล่าวออกทันที

ทั้งนี้ SEX EDUCATION อาจเหมาะสมในสังคมประเทศตะวันตก ที่วัยรุ่นได้เรียนรู้เพศศึกษาทั้งจากที่บ้านและที่โรงเรียนมาก่อนแล้ว แต่ในสังคมไทยวัยรุ่นยังไม่ได้เรียนรู้อย่างถูกต้อง ยิ่งนำไปสู่ปัญหาทางสังคมตามมา

วันที่ 22 ม.ค. เฟซบุ๊กทางการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่ผลงานของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้ติดเซนเซอร์วัดฝุ่นในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต บริเวณ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ https://airq.colonel-tech.com ประกอบด้วยพื้นที่ 4 ส่วนคือในอาคารทั่วไป โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และหอพักนักศึกษาในมหาวิทยาลัย

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป